Camp X-Ray Camp X-Ray

ชีวิตในย่านชานเมืองหรูเป็นดั่งหลุมหลบภัยจากโลกภายนอกสำหรับนีฟ จนกระทั่งอดีตและความจริงไล่ตามเธอมาจนทัน

ครอบครัวของพี่น้องฝาแฝดถูก "แทรกซึม" โดยแฝดสามลึกลับที่ถูกแยกจากพวกเขาตั้งแต่เกิดโดยแม่บุญธรรม แผนร้ายของเธอคือการใส่ร้ายฝาแฝดคนหนึ่งในข้อหาฆ่าสามีของอีกคน จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นม่ายของฝาแฝดคนนั้นด้วยการฆ่าเธอด้วย...แต่ไม่ใช่ถ้าน้องสาวที่ถูกใส่ร้ายมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้

ซาซา-ซา คอร์ดา นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง แต่งตั้งลูกสาวคนเดียวซึ่งเป็นแม่ชีให้เป็นทายาทเพียงคนเดียวในมรดกของเขา ขณะที่คอร์ดาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ในไม่ช้าพวกเขาก็ตกเป็นเป้าหมายของเหล่าเศรษฐีผู้วางแผนร้าย ผู้ก่อการร้ายต่างชาติ และมือสังหารผู้มุ่งมั่น

ครึ่งแรกทั้งหลอนทั้งขนลุกไม่คิดว่าบรรยากาศจะเหมาะเจาะเข้ากับฉากหลังเป็นพื้นป่าในยุคสมัยสงครามเวียดนามได้ขนาดนี้ ต้องยอมรับว่าน่าสะพรึงไม่น้อยกับสิ่งที่ผสมผสานระหว่างจิตวิทยากับเรื่องผีให้เป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่ความหลอนน่ากลัวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในหนังเท่านั้น เนื่องจากเคยเกิดขึ้นจริงกับเหล่าทหารเกาหลีใต้ที่ได้รับสัญญาณวิทยุขอความช่วยเหลือจากหน่วย Donkey 3 ซึ่งสัญญาณก็ขาดๆหายๆ จับใจความได้ไม่ชัดเจน มีคลื่นแทรกตลอดเวลา ทว่าสิ่งที่พอฟังรู้เรื่องคือประโยคที่บอกว่าตัวเองกำลังทรมานเหมือนอยู่ในนรกอยากให้ไปช่วยเหลือเร็วๆ แต่นั้นยังไม่หลอนเท่าเมื่อรู้ว่าหน่วยนี้ได้หายสาบสูญไปในพื้นที่ R-Point เป็นเวลา 6 เดือนกว่าแล้ว แน่นอนว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่หายไปนานขนาดนั้นแล้วยังติดต่อกลับมาได้ทั้งที่สันนิษฐานไปแล้วว่าหน่วยนี้เสียชีวิตกันหมดทุกคน