Dark Was the Night Dark Was the Night

เมื่อวังน้ำวนลึกลับและอันตรายปรากฏขึ้นในเขตร้อนของมหาสมุทรแอตแลนติก นักบินอวกาศเบลกาและสเตรลกาจึงถูกส่งไปสืบสวน ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนดีๆ ของพวกเขา เบลกาและสเตรลกาต้องกระทำการอย่างกล้าหาญอีกครั้งและทำภารกิจที่กล้าหาญให้สำเร็จลุล่วงเพื่อช่วยโลกพร้อมทั้งบ้านอันห่างไกลของเพื่อนต่างดาวคนใหม่ของพวกเขา

เมื่อคนทั้งประเทศจดจ่ออยู่กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังเดินหน้าสู่วันลงคะแนนตัดสิน นายทหารผู้หนึ่งเร่งหาทางกระชากแผนสมรู้ร่วมคิดที่อยู่เบื้องหลังแผนลับที่มุ่งทำลายประชาธิปไตยในประเทศของตนเอง

ในเรื่องราวที่ให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์เรื่องนี้ เด็กชายนาม ซอว์เยอร์ ได้พบโลมาที่บาดเจ็บสาหัส จึงพามันมารักษาที่โรงพยาบาลสำหรับสัตว์น้ำและตั้งชื่อให้มันว่า วินเทอร์ โชคร้ายที่การรักษาจำเป็นต้องตัดหางของวินเทอร์ออกไป แต่การไร้หางก็อาจทำให้วินเทอร์มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของซอว์เยอร์ ความรู้ของนักชีววิทยาทางทะเล (แฮร์รี่ คอนนิค จูเนียร์) และความเก่งฉกาจของผู้เชี่ยวชาญด้านอวัยวะเทียม (มอร์แกน ฟรีแมน) ได้ร่วมกันสร้างหางใหม่ขึ้นมา ให้วินเทอร์ได้โอกาสที่จะมีชีวิตอยู่อีกครั้ง

ทาร่า เด็กสาวมัธยมปลายที่ขี้อายมากจนเขียนตัวอักษรบนกระดานดำหน้าชั้นเรียนไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว มีความลับสุดเจ๋งอย่างหนึ่ง นั่นคือ เธอคือ "Radio Rebel" เมื่อทาร่าใส่หูฟังในห้องและออกรายการพอดแคสต์ประจำวัน เธอก็กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจ พูดจาตรงไปตรงมา สร้างแรงบันดาลใจ และไม่เปิดเผยตัวบนคลื่นวิทยุ เมื่อพ่อเลี้ยงของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าของ/โปรดิวเซอร์ของสถานีวิทยุ SLAM พบว่าทาร่าคือ Radio Rebel ทาร่าจึงย้ายจากห้องนอนของเธอไปที่สตูดิโอบันทึกเสียงเพื่อทำการแสดงสดให้กับสถานีวิทยุ SLAM ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด จนกระทั่งผู้อำนวยการโมเรโน ซึ่งดูเหมือนจะมีเป้าหมายเดียวในชีวิตคือการทำลายผู้อื่น ยกเลิกงาน Prom และนักเรียนทุกคนก็โทษเรเบล